ณ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงบ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “อิ่ม” เธอเติบโตมาในครอบครัวชาวนาเล็กๆ ที่แม้จะไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ก็เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากพ่อแม่ ผู้ที่ทำงานหนักทุกวันเพื่อให้เธอได้มีชีวิตที่ดีกว่า
ในยามค่ำคืนหลังเสร็จงานทุ่ง อิ่มมักจะนั่งมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เธอเฝ้าฝันอยากมีชีวิตที่แตกต่างไปจากวงจรที่เธอเห็นในทุกวัน เธออยากเรียน อยากเป็นครู เพื่อกลับมาสอนเด็กๆ ในหมู่บ้านที่ขาดโอกาสเหมือนเธอ ความฝันนี้เป็นเหมือนแสงสว่างในหัวใจของอิ่ม แม้ว่ารอบตัวเธอจะมีเสียงคอยบอกว่า “เด็กบ้านนอกอย่างเธอจะทำได้หรือ?”
แต่เสียงเหล่านั้นไม่เคยดับความฝันของอิ่ม มีเพียงเสียงในใจที่กระซิบว่า “ต้องทำให้ได้” เธอตัดสินใจว่า เมื่อเรียนจบมัธยม เธอจะไปทำงานในเมืองใหญ่เพื่อเก็บเงินส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย แม้เธอจะไม่รู้เลยว่าชีวิตในเมืองจะเป็นอย่างไร
เมื่ออิ่มอายุ 18 ปี เธอเก็บกระเป๋าใบเล็กๆ และนั่งรถบัสคันเก่ามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เมืองที่เธอเคยเห็นเพียงในโทรทัศน์ เมื่อมาถึง อิ่มเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นพนักงานร้านอาหารเล็กๆ เธอทำงานหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ งานไม่ง่ายเลย เธอต้องเผชิญกับคำพูดเสียดสีจากลูกค้า ความเหน็ดเหนื่อยจากการยืนทั้งวัน และความคิดถึงบ้านที่กัดกินใจ
ทุกคืนหลังเลิกงาน อิ่มจะนั่งอ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดใกล้ร้าน เธอเชื่อว่าความรู้จะพาเธอไปสู่จุดที่ดีกว่า แม้บางครั้งเธอจะเหนื่อยจนอยากล้มเลิก แต่ภาพของพ่อแม่ที่ทำงานหนักเพื่อเธอก็เป็นแรงผลักดันให้เธอก้าวต่อไป
หลังจากทำงานหนักและเก็บเงินมาหลายปี ในที่สุดอิ่มก็สามารถสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ เธอต้องจัดสรรเวลาระหว่างการเรียนและการทำงานพาร์ทไทม์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการจัดการเวลาที่ดี อิ่มสามารถทำทั้งสองสิ่งควบคู่กันได้
อิ่มยังได้พบเพื่อนใหม่ๆ ที่สนับสนุนและให้กำลังใจเธอ ทุกครั้งที่เธอรู้สึกท้อแท้ เพื่อนๆ จะเตือนว่าเธอเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว นั่นทำให้อิ่มกลับมามีแรงสู้ต่อ
วันหนึ่งเมื่ออิ่มยืนรับปริญญาบัตรในมือ เธอหวนคิดถึงเส้นทางที่เธอเดินผ่านมา ทุกความเหนื่อย ทุกน้ำตา และทุกความล้มเหลว มันล้วนหล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่เข้มแข็ง เธอส่งยิ้มให้พ่อแม่ที่ยืนอยู่ในฝูงชน น้ำตาของพวกเขาไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจอีกต่อไป แต่เป็นน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ
หลังจากนั้น อิ่ม