วันพฤหัส, 21 พฤศจิกายน 2567

กาแฟแก้วนี้ราคาเท่าไหร่

14 ต.ค. 2019
1201
กาแฟอเมริกาโนร้อน ณ สรินกาแฟอุบลราชธานี แก้วนี้ราคาเท่าไหร่

จั่วหัวเรื่อง “กาแฟแก้วนี้ราคาเท่าไหร่” ปกติผู้เขียนเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟเอามาก ๆ เอาเป็นว่าดื่มหนัก ๆ บางวัน 3-5 แก้วก็มี สมัยแรก ๆ ที่เริ่มดื่มใหม่ ๆ ยังเป็นพวกกาแฟแบบขวดโหล ใส่น้ำตาลที่เป็นก้อน ๆ และครีมเทียม ช่วงนั้นดื่มจัดมาก เช้า กลางวัน แล้วก็เย็น บางครั้งดึกยังมี เป็นช่วงที่เราต้องเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับหน่วยงานต้นสังกัด แบบว่าเขียนกันหามรุ่งหามค่ำกับน้องนักวิชาการคอมพิวเตอร์อีก 1 ท่าน สิ่งที่แก้ง่วงได้ดี ก็ไม่เห็นมีอย่างอื่น นอกจากกาแฟนี่แหละ เดินออกจากโต๊ะเป็นต้องชงดื่มทันที ประกอบกับช่วงนั้น ชีวิตยังวัยหนุ่มแน่น การดื่มจัด ๆ ก็ไม่ทำให้อ้วนขึ้นมากมาย น้ำหนักก็ 60  นิด ๆ เท่านั้นเอง ใช้สมองมาก ก็ต้องการน้ำตาลมากตามมา (อาจจะเป็นข้ออ้างก็ได้) ในตอนนั้นเราก็ทานพวกกาแฟเย็นไม่เป็น ก็แค่พวกกาแฟชงดื่มธรรมดา ราคากาแฟแบบขวดโหลเมื่อก่อนก็ไม่ถึงร้อยบาท บอกครีมเทียมกับน้ำตาลก้อน ราคาก็จะตกอยู่ประมาณไม่เกิน 2-3 ร้อยบาทต่อเดือนถือว่าถูกมาก ๆ สำหรับคนหนึ่งคน 

กาแฟบวกขนมสักอย่างก็สุดยอด

นอกจากการดื่มกาแฟเพื่อแก้ง่วงแล้ว เรายังเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือไปด้วยจิบกาแฟไปด้วย เหมือนมันได้อรรถรสในการอ่านด้วย ยิ่งถ้าเป็นกาแฟอเมริกาโนชนิดที่ไม่เติมอะไรลงไปเลย จิปไปอ่านหนังสือไปด้วยนี้ยิ่งไม่ต้องบอกเลยครับ ความง่วงทิ้งไปเลย ด้วยความขมและอมเปรี้ยวนิด ๆ โห…หลับไม่ลงเลยทีเดียว ที่ต้องพูดอเมริกาโน เพราะหลัง ๆ มานี่ผู้เขียนเองต้องตัดพวกทำให้อ้วนหรือเพิ่มไขมันออกมาไป ล่าสุดผลตรวจร่างกายประจำปีค่าไขมันหรือไตกรีเซอไรด์พุ่งแตะ 4 ร้อยนิด ๆ เห็นแล้วตกใจต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินการดื่มใหม่หมด ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง วิ่งสัปดาห์ละกว่า 60-70 กม. แต่ก็ช่วยได้แค่ระดับหนึ่งพฤติกรรมการกินดื่ม ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องใส่ใจ

กาแฟดำ + หนังสือสักเล่มเป็นอะไรที่เข้ากัน

อเมริกาโน “ราคากาแฟแก้วนี้ตกที่ 40-60 บาท” ถ้าเป็นชนิดกาแฟร้อน แต่เย็นนี่ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ “ราคากาแฟอเมริกาโน” ร้อนที่ร้านทั่ว ๆ ไป ก็ราคาประมาณนี้แหละครับ แต่ที่ Cafe Amezon รู้สึกแก้วใหญ่น่าจะอยู่ที่ 60+ ราคากาแฟแต่ละร้าน แม้ว่าจะเมนูและปริมาณที่เท่ากัน แต่ราคาอาจจะไม่เท่ากัน ส่วนหนึ่งอยู่ที่วัตถุดิบ กาแฟแต่ละสายพันธุ์ราคาก็ไม่เท่ากัน สำหรับผู้เขียนแล้ว สายพันธุ์ไหนก็ไม่เคยสนใจ เพราะเราเลือกไม่ได้ ร้านมีแบบไหนก็แบบนั้น บางครั้ง กาแฟดำแบบโบราณก็เคยทานมาบ้างแล้ว แต่ก็จะไม่ค่อยถูกใจในรสชาติมากนัก เพราะกาแฟโบราณ ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมนอกเหนือจากกาแฟเข้ามาร่วมด้วย เพื่อลดต้นทุน หรือเป็นสูตรเฉพาะของเขานั้นเอง แต่กาแฟโบราณสูตรปกติไม่เหมาะกับผู้เขียนเพราะจะมีนมข้นหวานค่อนข้างเยอะ ทำให้อ้วนได้ง่าย ๆ ที่สำคัญเราเป็นคนที่ต้องดื่มทุกวัน โอกาศที่จะสะสมก็มีโอกาสสูงขึ้นได้แน่นอน

จิปกาแฟพร้อมทำงาน

ปกติการที่เราสั่งกาแฟร้อน ร้านกาแฟส่วนใหญ่จะมีน้ำชาร้อน ๆ มาเสริฟพร้อมด้วย เพราะกาแฟร้อนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีน้ำตาลมากนัก ทำให้รสชาดขม ๆ ติดในปากและลำคอ พอได้ชาร้อน ๆ หลังทานกาแฟเสร็จ ก็จะเหมือนเป็นการล้างรสชาดความขมของกาแฟได้ในส่วนหนึ่งนั่นเอง เมื่อก่อนผู้เขียนทานกาแฟล้วน ๆ แบบไม่ใส่น้ำตาลไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นคนติดรสหวาน แต่พอได้มาทานกาแฟร้อนกลุ่มนี้เข้าก็ได้รสชาติเต็ม ๆ ของกาแฟเข้าไปแล้วติดใจเลย ที่สำคัญช่วยให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะเลย ตอนทานอาจจะขมนิด ๆ มีเปรี้ยวเข้ามาร่วมด้วยนิดหนึ่ง สะใจดีแต่ต้องทานตอนร้อน ๆ นะ เย็นแล้วเสียรสชาติเลย แล้วกาแฟพวกนี้ราคาจะไม่ค่อยแพง เพราะไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ มาก เลยทำให้ราคาถูกกว่ากลุ่มอื่น ๆ อยู่พอสมควร “ราคากาแฟแก้วนี้” จึงสามารถทานได้เรื่อย ๆ และทานไปด้วยนั่งทำงานไปด้วย

บรรยากาศร้านกาแฟ

หลายคนเลือกร้านกาแฟเป็นสถานที่ทำงาน เพราะหนึ่งละร้านกาแฟส่วนใหญ่จะตกแต่งร้านให้บรรยากาศน่านั่ง เงียบ ไม่พุกพร่านของผู้คนมากนัก ทำให้มีสมาธิในการทำงาน พูดง่าย ๆ คือสมองมันแล่น คิดอะไรก็เหมือนไม่ติดไม่ขัดอะไร ดังนั้นร้านกาแฟจึงเหมือนเป็นที่สิงสถิตของเหล่าคนทำงานแบบออนไลน์คือส่งงานกันผ่านเน็ต หรือผ่านระบบออนไลน์กันนั่นเอง ไม่ต้องเดินทางไปที่ทำงานจริง อยากเห็นหน้าหรือประชุมก็ทำได้ง่าย ๆ ผ่านพวก Video call หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่มากมายที่เอื้ออำนวยอยู่ในปัจจุบันอย่างเช่น Line , Facebook แต่ถึงแม้ว่าร้านเหล่านี้จะเปิดให้บริการแบบสามารถนั่งทำงานได้ แต่ก็ไม่เหมาะที่จะยึดทำงานได้ทั้งวัน อย่างเช่นที่เป็นข่าวเจ้าของร้านและลูกค้าที่นั่งแช่กันทั้งวัน แบบนั้นก็ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเป็นการเสียมารยาทแล้ว ยังเหมือนกันพื้นที่ส่วนรวมที่คนอื่นจะต้องใช้ร่วมด้วยนั่นเอง